นอริช ได้โอกาสจบสกอร์ครั้งแรก ในนาทีที่ 16 มักซ์ แอรอนส์ ไหลบอลให้ เคนนี่ แม็คลีน ตั้งป้อมกดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษแต่บอลพุ่งไปตรงตัวของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล รับเข้าซองไม่ยาก
ท้ายครึ่งแรก นาทีที่ 43 นอริช มาได้จุดโทษเมื่อผู้ตัดสินย้อนดู VAR ด้วยตัวเองจากเหตุการณ์ที่ ชักลาร์ โซยุนชู ไปทำฟาวล์ใส่ ปิแอร์ ลีส์-เมลู ก่อนจะเป็น ตีมู ปุ๊กกี้ รับหน้าที่สังหารเข้าไปไม่พลาด ให้ นอริช ตามตีเสมอเป็น 1-1 และจบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลังเล่นมาได้ 3 นาที นอริช ได้ลุ้นขึ้นนำเมื่อ มิลอต ราชิก้า ลากตะลุยมาทางกราบซ้ายแล้วจ่ายบอลเข้ากลางให้ ท็อดด์ แคนท์เวลล์ ได้ซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษบอลเหินข้ามคานออกหลังไปนิดเดียว

จากนั้นนาทีที่ 63 เลสเตอร์ ได้โอกาสส่องบ้างจากลูกยิงไกลของ ยูริ ตีเลอมันส์ บอลยังเหินข้ามคาน
แม้ เลสเตอร์ จะครองเกมได้เหนือกว่าชัดเจนแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์แบบจะแจ้งแทบไม่ได้ โดย นาทีที่ 67 แบรนเดน รอดเจอร์ส แก้เกมด้วยการส่ง เคเลชี่ อิเฮนาโช่ ลงมาเล่นแทน ฮาร์วีย์ บาร์นส์
จนกระทั่งนาทีที่ 77 เลสเตอร์ จะมาได้ประตูขึ้นนำอีกครั้งเป็น 2-1 ไหลบอลให้ มาร์ค อัลไบรท์ตัน ตั้งป้อมกดด้วยขวาในเขตโทษบอลไปแฉลบ แบรนดอน วิลเลียมส์ บอลพุ่งเสียบเสาไกลเข้าไป
จากนั้นนาทีที่ 80 เคนนี่ แม็คลีน ขึ้นโหม่งจากลูกเตะมุมส่งบอลตุงตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเช็ก VAR จะยึดประตูคืนเนื่องจากมองว่า ท็อดด์ แคนท์เวลล์ ที่ยืนบัง แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้า
เวลาที่ทั้งสองทีมทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกม เลสเตอร์ ซิตี้ บุกชนะ นอริช ซิตี้ 2-1 ขยับขึ้นไปรั้งที่ 8 ของตาราง
mywindstory.com
|