[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.9
โรงเรียนบ้านกลาง นาแห้ว
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
แปลภาษาจาก google
͹ͤ :



  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
อากาศเย็นระวังโรคราน้ำค้าง  VIEW : 98    
โดย ปอนด์

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 653
ตอบแล้ว :
ระดับ : 20
Exp : 73%
ออฟไลน์ :
IP : xxx

 
เมื่อ : พุธ ที่ 4 เดือน มกราคม พ.ศ.2566 เวลา 14:09:55    ปักหมุดและแบ่งปัน

อากาศเย็นระวังโรคราน้ำค้าง

ในช่วงเย็นปกคลุมประเทศไทย กรมส่งเสริมการเกษตร ขอเตือนเกษตรกร ให้ระวังการเข้าทำลายของโรคราน้ำค้าง (Downy mildew) เพราะเป็นโรคที่พบการระบาดมากในช่วงอากาศเย็น ความชื้นสูง และยังเป็นโรคที่สามารถเข้าทำลายพืชได้หลายชนิด เช่น พืชตระกูลแตง พืชตระกูลกะหล่ำและผักกาด ข้าวโพด และองุ่น เป็นต้น

โดยเชื้อราก่อโรคราน้ำค้าง มักฝังอยู่ในเศษซากพืชที่ตกค้างในแปลง สามารถมีชีวิตอยู่ในดินได้นานหลายปี จะเจริญเติบโตได้ดีในอุณหภูมิ 18-25 องศาเซลเซียส และมีความชื้นสูงในแปลงปลูก เชื้อราก่อโรคสามารถแพร่ระบาดได้ดีไปกับ ลม ฝน เครื่องมือทางการเกษตร และการเคลื่อนย้ายพืชปลูก

หากเข้าทำลายทำให้ผลผลิตพืชลดลง รวมถึงขนาดและคุณภาพลดลงด้วย หากอาการรุนแรงจะทำให้ใบเหลืองและแห้งตายทั้งต้น

ดังนั้น เมื่อเกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ต้องกำจัดเศษซากพืช และวัชพืชในแปลง โดยนำออกไปทำลายนอกแปลงทันที เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยข้ามฤดูของเชื้อราที่เป็นสาเหตุได้ นอกจากนี้ เกษตรกรควรปลูกพืชอื่นหมุนเวียน ใช้เมล็ดพันธุ์ดีมีคุณภาพจากแหล่งปลอดโรค โดยแช่เมล็ดพันธุ์ในน้ำอุ่นอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส นาน 20-30 นาที หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น เมทาแลกซิล 35% DS อัตรา 7 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ เมทาแลกซิล–เอ็ม 35% ES อัตรา 3.5 มิลลิลิตรต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม หรือ ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 30 กรัมต่อเมล็ดพันธุ์ 1 กิโลกรัม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค

อากาศเย็นระวังโรคราน้ำค้าง

รวมทั้งไม่ปลูกพืชในระยะชิดกันเกินไป เพื่อช่วยระบายอากาศและความชื้นในแปลง หลีกเลี่ยงการให้น้ำในตอนเย็น หรือช่วงอากาศเย็นมีความชื้นสูง และหมั่นสำรวจแปลงปลูกอยู่เสมอ

ส่วนวิธีการสังเกตและสำรวจเพื่อป้องกันโรคราน้ำค้างในแปลงปลูก ให้เกษตรกรหมั่นสำรวจแปลงปลูกในช่วงเช้า โดยพลิกดูใต้ใบพืช หากพบเส้นใยสีขาวหรือเทาคล้ายปุยฝ้าย หรือจุดแผลรูปสี่เหลี่ยม ให้ป้องกันกำจัดทันทีโดยพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น ไดเมโทมอร์ฟ 50% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เมทาแลกซิล 25% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นให้ทั่วทั้งด้านบนใบและใต้ใบ ทุก 5-7 วัน.

ขอบคุณแหล่งที่มา : www.thairath.co.th


ติดตามข่าวสาร ได้ที่  : thaigoodherbal.com