สุพรรณบุรี – อ.เดชา มูลนิธิข้าวขวัญ ซัดพิธา เนรคุณกัญชา เอากลับบัญชียาเสพติด ย้อนไหนบอก รอดจากโรคลมชัก เพราะกัญชา 

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ที่มูลนิธิข้าวขวัญ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี นายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี หรือหมอเดชา ผู้ทำน้ำมันกัญชาสกัด น้ำมันกัญชา (ตำรับหมอเดชา) กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เผยว่า ตนไม่เห็นด้วยถ้ารัฐบาลใหม่มีมติให้กัญชากลับเข้าไปเป็นบัญชียาเสพติดเหมือนเดิม เพราะว่าตนใช้น้ำมันกัญชาอยู่ทุกวัน เพราะรู้ว่ามันดี แล้วการใช้ทุกวันมันต้องทำเอง ไม่ใช่ว่าจะต้องไปรอจากที่อื่น แต่ว่าการใช้เองมันต้องไม่ใช่ยาเสพติดเสียก่อน ถ้ามีข้อจำกัดเยอะ หมอจะไปช่วยใครได้เพราะมีข้อจำกัดเยอะ ถ้าทำใช้เองมันก็ง่าย แต่ถ้าทำใช้เองมันต้องไม่มีข้อจำกัดเป็นยาเสพติด และกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดอยู่แล้ว ยาเสพติดคือเหล้า บุหรี่ คุณต้องจัดการเหล้า บุหรี่ ไม่ใช่มาจัดการกัญชา

“เหล้าบุหรี่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย มีแต่โทษ ใช้แค่สันทนาการอย่างเดียว โรคก็เยอะ อุบัติเหตุ อาชญากรรมต่างๆ แต่ก็ปล่อยขายเสรี แต่ของดีๆ อย่างกัญชาทำให้คนเลิกเหล้า บุหรี่ได้ คุณไปจำกัดทำไม ของดีดันไปกีดกัน ของไม่ดีกลับไปส่งเสริม ส่วนผลกระทบกับตัวเองก็ไม่มี แต่ว่าประชาชนจะมี เพราะต้องวิ่งมาหาหมออย่างเดียว มันต้องให้ประชาชนพึ่งตัวเองได้ คนป่วยต้องป้องกันตัวเองได้ก่อน และถ้าเป็นโรคก็นำเอามารักษาตัวเองได้ เพราะตำรับของผมมันไม่ผิดกฎหมาย แต่พอกัญชาผิดกฎหมายคนก็ป้องกันตัวเองไม่ได้ ต้องวิ่งมาหาหมอ และหมอก็มีข้อจำกัดเยอะ ก็มาแค่ระงับอาการ ไม่ได้รักษาให้หายขาด คนป่วยมาหาผมเยอะ 1 เดือน ผมเปิดให้คนไข้มาหาผมแค่ 2 วันเอง และมาจากที่ไกลๆ ทั้งนั้น กฎหมายจำกัดเยอะไม่รู้ว่าได้ประโยชน์อะไรขึ้นมา ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นี่ก็คือข้อเท็จจริง”

“มั่นใจว่าคนที่ปลูก 40 กว่าล้าน จะไม่ยอมเรื่องนี้ ส่วนตัวก็ไม่ยอม เพราะคนไข้เดือดร้อน ไม่งั้นก็จะไปเดินใหม่ แต่เดินคราวนี้คนจะเดินมากกว่าเก่าเยอะ เพราะคนเขารู้ว่ากัญชามันดี เขาปลูกแล้วใช้แล้ว แต่ก่อนคนเขาไม่รู้เขายังเดินเลย ตอนนี้รู้แล้ว และมาตัดสิทธิเขา เขาจะไม่ไปเดินหรือไง แต่ว่าคุณจะได้เป็นหรือเปล่า นโยบายแบบนี้คุณต้องได้เป็นรัฐบาลก่อน โน่นตอนแถลงสภาโน่นเลย นี่มา MOU คุณยังไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง มาทำทำไม นี่มาลัดขั้นตอน และมาทำแบบนี้ประชาชนที่เขาเลือกคุณหรือไม่เลือก มาทำแบบนี้เขาก็ไม่เอาคุณอยู่แล้ว ลองประชามติดูไหม ทำโพลดูก็ได้” นายเดชากล่าว

นายเดชากล่าวว่า สมัยที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หาเสียงเมื่อปี 2562 เป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เขาบอกว่า กัญชาต้องเอาออกจากยาเสพติด เพื่อให้ใช้ในการแพทย์ให้เต็มที่ สันทนาการด้วย เพื่อเอานักท่องเที่ยวเข้ามา ผมเคยไปประเทศจาเมกาเนี่ย ไปบ้านบ๊อบ มาร์เลย์ ศิลปินเร็กเก้มาแล้ว บ๊อบ มาร์เลย์ เนี่ยใครไปบ้านเขา เขาให้มาจ้อยในราคา 2,000 บาท เขาเอาเงินไปให้เด็กที่ยากจนมีประโยชน์ เราต้องทำแบบบนั้นซิ ตอนนั้นนายพิธาพูดแบบนี้ พอมาตอนนี้บอกกัญชาเป็นยาเสพติด ตอนนั้นเมื่อปี 2562 ตนเดินรณรงค์ นายพิธาก็มาเดินด้วย จะดูรูปไหมล่ะ และบอกด้วยว่าตอนผมไปเรียนที่อเมริกา ผมเป็นโรคลมชัก ผมรอดมาได้ก็เพราะกัญชานี่แหละ ไปถามสิจริงไหม ยาอื่นรักษาไม่ได้ ที่หายก็เพราะกัญชานี่แหละ เป็นหนี้บุญคุณกัญชานี่แหละ คุณรอดมาได้ก็เพราะกัญชา แต่ตอนนี้คุณมาเอากัญชาเป็นยาเสพติด

“คุณจะเนรคุณกัญชาหรือ เพราะคุณรอดมาได้ก็เพราะกัญชา เพียงแต่คุณต้องการเอาใจพรรคร่วม ตามแต่ว่าคุณจะได้เป็นนายกฯ อย่างนี้มันไม่ได้หรอก คุณต้องมีจุดยืน ไปตามลมได้อย่างไร คุณจะพูดกลับไปกลับมาได้อย่างไรแค่ไม่กี่วัน ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว อย่างนี้ ไม่มีจุดยืนแล้วเรื่องอื่นจะเชื่อคุณได้หรือ ขนาดเรื่องแบบนี้คุณยังพูดกลับไปกลับมาได้ รอให้คุณเป็นรัฐบาลเถอะ คนก็ประท้วงคุณทั้งประเทศ รองไปดูคนที่เขาปลูกกัญชาที่ลงทะเบียนมีตั้ง 40 กว่าล้านคน ตอนนี้คุณจะมาผ่อนผันยังไงก็ไม่ได้หรอก ให้กัญชามีโทษจริงๆ คุณก็เรียกร้องสิ ตอนนี้มีแต่นักการเมืองที่เรียกร้อง มีแต่ตัดคะแนนกันเอง ไม่ได้คิดถึงประชาชนกันเลย เอาตามผลประโยชน์ของนักการเมืองเฉยๆ ดีไม่ดีพวกที่เสียประโยชน์จากกัญชาอยู่เบื้องหลังด้วยซ้ำ ถามว่าเวลาขายเหล้า ขายเบียร์ พวกบริษัทเดือดร้อนไหม แล้วอยู่เบื้องหลังพวกคุณหรือเปล่า แม้แต่ยาบ้า อยู่เบื้องหลังหรือเปล่า คนที่กินเหล้าน้อยลง ยาบ้าน้อยลง สูบบุหรี่น้อยลง อาชญากรรมน้อยลง มันก็ดีแล้วไง” อ.เดชากล่าว


hayagil-lubin.com