โดยสังเวียนแอสเซ่น เป็นสนามไฮสปีดส่งผลให้นักแข่งต้องใช้ความแม่นยำและพละกำลังในการควบคุมรถแข่งที่มีความเร็วสูงในทุกเซกเตอร์ บวกกับสภาพอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นและมีลมแรง รวมถึงจำนวนรถแข่งบนกริดสตาร์ทที่มีจำนวนมากถึง 32 คัน หลังการเข้าร่วมชิงชัยของนักแข่งจากเวทียูโรเปียน แชมเปียนชิพ

ด้วยความเข้มข้นของการแข่งขัน บวกกับความยากของแทร็ก ส่งผลให้ “ตี” อนุภาพ ซามูล #51 ทำได้ดีที่สุดด้วยการบิดจบการแข่งขันด้วยอันดับ 19 และ 18 ขณะที่ “แสตมป์” อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ #24 ยกระดับผลงานหลังคว้าอันดับ 16 จากการชิงชัยในเรซที่ 2 หลังโชคไม่ดีพลาดคว้าแต้มจากการชิงชัยในเรซแรก

นายวีรพงษ์ ธนากิจจานนท์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เผยว่า “สำหรับผลงานถือว่าพอใช้ได้เพราะถือเป็นการลงแข่งครั้งแรก ของ นักแข่งไทย โดยจบในอันดับ 16 และ 18 ซึ่ง ในจุดดีคือเราได้เก็บข้อมูลและสามารถพัฒนาเวลาต่อรอบได้ดีขึ้นในทุกการลงสนาม โดยเฉพาะในเรซ 2 สามารถทำเวลาในหลาย เซกเตอร์ ได้เท่าๆ กลุ่มกลาง แต่ยังต้องพยายามทำความเข้าใจสนามให้ดีขึ้น เพราะในทุกสนามเรามีเวลาลงสนามน้อย และเป็นรายการชิงแชมป์โลก นักบิดเก่งและเร็วทุกคน เราเองก็ต้องปรับตัวให้เร็วกว่านี้อีก”

“สำหรับสนามถัดไป ที่ คาตาลุนญ่า ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม เป็นสนามที่ยิ่งใหญ่ของยุโรปอีกหนึ่งสนาม ซึ่ง นักบิดยุโรป มีประสบการณ์มากกับสนามนี้เพราะได้มาแข่งกันบ่อย ส่วน ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่งทีม เรายังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และยกระดับผลงาน โดยหวังทำผลงานติดอยู่ในอันดับท็อป 15 ซึ่งต้องเน้นทำความเข้าใจสนามและทำเวลาให้เร็วขึ้นกว่าเดิม”

ศึกซูเปอร์สปอร์ต เวิลด์ แชมเปียนชิพ 2023 สนามถัดไป มีคิวดวลความเร็วในวันที่ 5-7 พฤษภาคม ณ เซอร์กิต เดอ บาร์เซโลน่า-คาตาลุนญ่า ประเทศสเปน

https://pbirg.com