โดยเหตุเกิดขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ปทุมวัน ที่อยู่ในพื้นที่ป้องกันเหตุบริเวณป้ายรถประจำทางหน้าอาคารนิมิบุตร และจุดเสี่ยงตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งการ พบว่ามีกลุ่มนักศึกษาเทคโนปทุมวันประมาณ 60 คน วิ่งกรูกันมาจากสถาบันมุ่งหน้ามายังลานกีฬาหน้าอาคารมินิบุตร และมาเจอกับนักศึกษาอุเทนถวายประมาณ 50 คน ที่วิ่งลงมาจากลานใบบัวสกายวอล์ค เมื่อทั้งสองฝ่ายเจอกันได้มีการตะโกนด่าทอและท้าทายกัน ก่อนยกพวกเข้าตะลุมบอนทำร้ายร่างกายกันอย่างชุลมุน

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้เข้าระงับเหตุพร้อมวิทยุขอกำลังเสริมจาก สน.พื้นที่ใกล้เคียงเข้าช่วยระงับเหตุ ทำให้นักศึกษาทั้งสองฝ่ายต่างแยกย้ายกันหลบหนีกลับเข้าเข้าสถาบันของตัวเองไป
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบมีนักศึกษาของสถาบันอุเทนถวาย 2 ราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณใบหน้าและลำตัว จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ชีพเข้าให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และนำตัวส่งรักษา ที่ รพ.ตำรวจ
พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ เปิดเผยอีกว่า ไม่ค่อยได้เห็นเหตุการณ์ที่นักศึกษาทั้ง 2 สถาบันดังกล่าว ยกพวกตะลุมบอนกันมานานมากแล้ว โดยได้สั่งการให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น. เร่งรัดติดตามคดี เพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด เพื่อแสดงให้เห็นว่าเมื่อมีผู้กระทำผิด จะต้องถูกลงโทษอย่างเฉียบขาด พร้อมกำชับให้ ผบก.น.6 ลงมาตรวจสอบด้วยตนเอง และประสานงานกับผู้บริหารของทั้งสองสถาบันการศึกษา เพื่อวางแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้น ดังนั้นอาจจะต้องใช้ยุทธวิธีเดิมๆที่เคยทำมาก่อนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งระดมปิดล้อมตรวจค้นทั้ง 2 สถาบันด้วย
"โดยการยกพวกตะลุมบอนกันนั้น ส่วนใหญ่สาเหตุเกิดจากการรวมกลุ่มกันของนักศึกษาทั้งสองสถาบัน และมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งจะข้ามแดนเข้ามาในเขต Safe zone หมายถึงว่าทั้ง 2 สถาบันจะทำความตกลงกันเอง แบบเป็นที่รู้กันว่า Safe zone ห้ามสถาบันใดสถาบันหนึ่งเข้ามาในเขตนี้ นอกจากนี้จะกำชับให้ ผบช.น.และ ผบก.น.6 ลงไปพูดคุยกับผู้บริหารสถาบัน เพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหา ที่เคยใช้แล้วเกิดประสิทธิผล คือ การกำหนด Safe zone ควบคู่กับการปิดล้อมตรวจค้น" พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ กล่าว
veekhoy.com